สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่บล็อก Dandelion story จ้า ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับรายการดีๆ ในบล็อกนี้นะคะ ♥

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บทความดีๆ อยากให้ได้อ่านกันค่ะ


เพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า ในสมัยโบราณนั้น ประเทศไทยมี 4 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน
ฤดูน้ำหลาก และ ฤดูแล้ง ซึ่งฤดูน้ำหลากนั้นจะมีน้ำไหลผ่านประเทศไทยอย่างมากมาย
ทำให้แม้แต่กองทัพพม่ายังต้องยกทัพกลับไปเองเมื่อมาล้อมกรุงศรีอยุธยาหลายครั้ง

บ้านเรือนคนไทยทุกหลังสร้างโดยยกใต้ถุนสูง ทุกบ้านมีเรือพาย มีลำคลองมากมายลัดเลาะ
เป็นทางน้ำไหล แม้กระทั่งข้าวในนายังเป็นพันธุ์หนีน้ำ คือ สามารถชูยอดข้าวให้พ้นน้ำ (*1)
ได้ด้วยตัวเองเมื่อมีน้ำท่วม ผู้คนจึงมีวิถีชีวิตที่เคยชินอย่างเหมาะสม และไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้นัก

จนกระทั่งเมื่อสักไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมา เราสร้างบ้านแปลงเมืองอย่างฝรั่ง
บ้านเรือนของเรานั้นมีตัวบ้านตั้งอยู่ติดกับผืนดิน มีการถมคูคลองเพื่อสร้างถนน
มีการตัดไม้ ฯลฯ และไม่มีใครมีเรือพายประจำบ้านอีกต่อไป

นิยามของคำว่า "ทันสมัย" คืออะไร เราพัฒนาสังคมและวิถีชีวิตตามอย่างฝรั่งโดยไม่สอดคล้อง
กับลักษณะของตัวเราเองหรือไม่ และแนวคิดในการพัฒนาอย่างเหมาะสมนั้นควรเป็นอย่างไร

คำถามเหล่านี้น่าคิดครับ  ? ? ?

บทความจาก ดร. นพนันท์ อรุณวงศ์ ณ อยุธยา

( *1 "ข้าวฟางลอย" ข้าวนาปีพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของไทย )

3 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วนึกถึงเมื่อตอนที่ตัวเองยังเด็กมาก ทุกๆ ปิดเทอมจะไปเยีี่ยมบ้านคุณยายทวดอยู่ที่อยุธยากรุงเก่า กว่าจะเข้าไปถึงบ้านยายทวดได้ก็ต้องจอดรถไว้ที่ไหนสักที่ แล้วลงเรือพายกันไป ตอนนั้นตื่นเต้น สนุกสนานด้วยความเป็นเด็ก บ้านยายทวดมีใต้ถุนสูง สูงมากๆ คะ ตกเย็นก็จะไปกระโดดน้ำที่ท่าน้ำ ก็เห็นปลาเข็มตัวเล็กๆ ว่ายมารุมตอดเรา หัดเล่นพายเรือ(ไม่ไปไหนเลย วนมันอยู่ที่เดิม ฮาๆ)

    บ้านเดิมของแม่เราเอง อยู่แถวซอยแบริ่ง เป็นหลังเดียวในละแวกนั้นที่ เป็นบ้านไม้ มีใต้ถุนสูง มาตอนนี้ก็เลยเข้าใจว่าทำไมยาย(แม่ของแม่)ถึงได้มีใต้ถุนสูงๆ เพราะว่ายายเีคยชินกับบ้านของยายทวด ที่เวลามีน้ำหลาก น้ำก็จะขึ้นสูง ซอยแบริ่งแต่ก่อนพอเข้าหฤดูฝน ก็จะมีน้ำขังตามซอยย่อย ทุกบ้านในซอยจะถูกน้ำเข้าถึงข้างในบ้าน ยกเว้นบ้านยายเราที่ไม่โดนตัวบ้าน หรือข้าวของในบ้าน ที่ท่วมก็แค่ตรงหน้าบ้าน มีน้ำขังปลากระดี่ ปลาหมอ ปลาช่อน ปลาหางนกยูง ปลาซิว ว่ายกันเต็มเลย (น้ำขังสูงประมาณ 20-30 cm.)

    แต่ปัจจุบันนี้ใต้ถุนสูงของบ้านยายเรามัน เหลือความสูงแค่ให้หมา แมวลอดได้ ตัวคนไม่สามารถเข้าไปยืนเล่นได้เลย เพราะโดนดินโคลนที่มากับน้ำที่ไหลเข้าท่วมซอยแบริ่งทุกๆ ปี

    เป็นบทความที่สะท้อนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ได้อย่างดีนะคะคุณเรย์
    ธรรมชาิติกำลังปรับสมดุลของตัวเอง.....

    ขอบคุณคะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณที่แบ่งปันประสพการณ์ในวัยเด็กค่ะ
    คุณกุ้งเล่าซะเห็นภาพชัดเลย
    ส่วนตัวเรย์เป็นเด็กเตบ ^^ โตมากัีบตึกแถว
    ในยุคคน กทม ตกท่อ เวลาน้ำท่วมทีไรก็หาผ้าอุดค่ะ
    โชคดีที่แถวนั้นที่สูงหน่อย น้ำไม่เคยท่วมเข้าบ้าน
    มาแค่พอปริ่มๆ แต่พอมีรถวิ่งมา มันก็กระฉอก
    เป็นลูกคลื่นซัดเข้าบ้าน เด็กๆก็ฮิ้ว ผู้ใหญ่ก็ เฮ้อ...
    เพราะเหนื่อยที่ต้องคอยเช็ด จึงไม่มีความทรงจำ
    อะไีรที่จะแบ่งปันค่ัะ

    แต่เพราะเมื่อดูข่าวเรื่องน้ำท่วม
    ที่ปีนี้มามากมายเกินจะรับไหว แล้วเหนื่อยใจค่ะ
    สงสาร หากแต่ทำได้แค่ส่งกำลังใจ และ ข้าวของ
    ที่จำเป็น รวมไปถึงเงินเล็กน้อย ตามแต่อัตภาพ
    ของเรา ไปให้คนที่ เดือดร้อนได้เท่านั้น

    ส่วนตัวไม่ได้สนใจว่าหน้ากระสอบจะเป็นชื่อใคร
    ถึงแม้มันจะไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้ขอให้ข้าวของ
    เหล่านั้น ไปถึงคนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ ก็พอแล้ว

    ทุกสิ่งในโลก เริ่มจากศูนย์ และค่อยๆเติบโต
    จนถึงที่สุด จากนั้น ลดถอยลงมาจนกลับคืนที่ศูนย์

    มันอาจเป็นวิถีของ ธรรมชาติ ที่ใช้ในการ
    ปรับสมดุลตัวเอง . . .

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ
    ยิ่งเห็นบทความอย่างนี้ ยิ่งทำให้รักบ้านนี้มากขึ้นอีก
    แม้จะดูเป็นบล็อกเกาหลี แต่ก็ยังคงความเป็นไทยไว้อย่างดี
    นี่สิ บล็อกของคนสมัยใหม่จริงๆ

    ตอบลบ